วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ร้านอาหารไทย Thitaree ณ. สวนรถไฟ

ร้านอาหารไทย บรรยากาศดี ฐิตารีย์ ณ. สวนรถไฟ

เพิ่งเปิดเทอมมาได้ไม่กี่วัน เวลาว่างเหลือเยอะจริงๆค่ะ วันอังคารมีเรียนตอนเช้าตั้งแต่ 8 โมง เรียนอีกทีก็บ่ายสองครึ่ง ห้างก็ยังไม่เปิดด้วยสิ

เพื่อนๆในกลุ่มเกิดไอเดียดีๆ ไปนั่งกินข้าว และขี่จักรยานเล่นที่สวนรถไฟกัน

ตอนแรกก็ไม่คิดว่าสวนรถไฟจะมี ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ เพราะเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนเคยไปกินข้าวที่สวนรถไฟก็เจอแต่ร้านอาหารแบบเก่าๆนิดนึง เป็นอาหารตามสั่ง แต่เมื่ออังคารที่แล้วพอไปถึงออกแนวอึ้งนิดๆค่ะ

เพราะ ร้านอาหาร ที่อยู่ในสวนรถไฟนี้ จัดร้านแนวชิวๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของต้นไม้ เย็นสบาย........น่านั่งอ่านหนังสือมากๆค่ะ ร้านอาหารไทย นี้มีชื่อว่า ร้านฐิตารีย์ ลองมาดูบรรยากาศกันเลยค่ะ


มาด ูเมนูอาหารของ ร้านฐิตารีย์ กันเลยค่ะ ( จะทานอะไรก็เช็คตรงใบออเดอร์ ที่วางไว้บนโต๊ะได้เลยค่ะ แล้วส่งให้พี่พนักงาน ที่จะมารับออเดอร์ )



อาหารที่ ร้านอาหารไทย ฐิตารีย์ มีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง อาหารไทย อาหารจานเดียว แถมยังมี อาหารฝรั่ง เช่น สเต็ก สปาเกตตี้ อีกต่างหาก และที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น เครื่องดื่ม ทั้ง ชา กาแฟ นม ลาเต้ ผลไม้ปั่น น่าลิ้มลองทั้งนั้นเลยค่ะสำหรับคนที่ชอบทานชากาแฟ ห้ามพลาด....

ครั้งนี้ก็ได้นำเมนูต่างๆที่พวกเราได้สั่งมาทาน มาแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองไปทาน เป็นการยั่วน้ำลายเล่นๆ อิอิ......เราลองมาดูกันเลยค่ะ

เมนูแรกเป็น เมนูชุดอาหารเช้า ( อันนี้เดี๊ยนเป็นคนสั่งเองค่ะ ) ในชุดก็มีขนมปังกระเทียม ไส้กรอก ไข่ดาว แฮม ...แค่จินตนาการตามก็น่ากินแล้วใช่ไหมคะ.......อิอิ



เมนูที่สองเป็น ซุปข้นเห็ดร้อนๆ อันนี้ก็น่าทานไม่แพ้กัน....



เมนูที่สาม สเต็กเนื้อ..... อันนี้สำหรับคนที่ชอบเนื้อคงจะถูกใจไม่น้อย

ราคาและปริมาณอาหารเหมาะสมค่ะ...ถือว่าไม่แพงจนเกินไป



เมนูที่สี่ สเต็กหมู ...ตอนแรกกะจาลองทานอยู่เหมือนกัน แต่มันยังเช้าอยู่

สงสัยความกลัวอ้วนเข้าสิง.....ก็ตอนนั้นมันไม่หิวอ่ะค่ะ....



แนะนำ อาหารฝรั่ง กันไปพอสมควร มาถึง อาหารไทย อาหารบ้านเกิดของเรากันบ้างดีกว่าค่ะ

เมนูที่ห้า อาจดูจะธรรมดา แต่เมื่อใส่จาน มันก็ไม่ธรรมดา เมนูนี้คือ ข้าวผัด ค่ะ เวลาเราไปกินอาหารที่ร้านอาหารตามสั่ง ถ้าคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ทุกคนจะนึกถึง ข้าวผัดทันที แต่ข้าวผัดก็มีหลายระดับเหมือนกัน มีทั้งแบบข้าวผัดข้างทาง หรือข้าวผัดตามภัตตราคาร แหม....สถานที่ของข้าวผัดเนี่ย มันทำให้ราคาอาหารเปลี่ยนได้จริงๆ ข้าวผัดของที่ร้านอาหารนี้อยู่ในระดับกลางๆค่ะ



เมนูที่หกเป็น ผัดกะเพราไข่ดาว อันนี้ยิ่งกว่าข้าวผัดอีก...........

ไม่รู้จะบรรยายยังไงอ่ะคะ...ถามเพื่อน เพื่อนบอก "มันก็คือ ผัดกะเพราไข่ดาว"



เมนูสุดท้าย กุ้งผัดกะเพรา อันนี้น่าสนใจค่ะ ทางร้านใช้กุ้งมีคุณภาพใช้ได้

ปริมาณอาหารโดยรวม โอเคค่ะ


ป็นยังไงบ้างคะ.....น่าทานใช่ไหมล่ะ....ร้านอาหารไทย Thitaree ขอแนะนำเลยค่ะว่า บรรยากาศให้ 10 คะแนนเต็มเลยค่ะ อาหารก็อร่อยไม่แพ้กัน

ร้านอาหารไทย ฐิตารีย์ มีที่นั่งให้เลือกสองแบบ ถ้าตอนเช้าๆ อากาศเย็นนิดๆ ควรจะนั่งจิบกาแฟทานอาหาร สูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก มองออกไปเห็นต้นไม้สีเขียวสบายตา ถ้าตอนกลางวันอากาศร้อน มีห้องแอร์บริการค่ะ ตอนกลางคืน ควรจะนั่งด้านนอก บรรยากาศชิวๆ แสงไฟที่ประดับรอบๆร้าน สร้างความโรแมนติก อย่างยิ่ง แถมทาง ร้านอาหาร ฐิตารีย์ ยังเปิดเพลงฝรั่งแบบชิวๆให้ได้ผ่อนคลายอารมณ์อีกด้วยค่ะ หลบบรรยากาศวุ่นวายในเมืองมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ที่ สวนรถไฟ กันเถอะค่ะ กินอิ่มแล้วไปเช่าจักรยานขี่ เป็นการย่อยอาหารไปในตัว หรือจะเช่าเสื่อนอนตีพุง ก็ได้นะคะ ไปกับเพื่อนก็สนุก เฮฮาๆไปกับแฟนก็โรแมนติก.........เฮ้อ เป็นวันที่มีความสุขจริงๆสำหรับวันนี้....บับบายค่ะ

ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขมากๆนะคะ...

ร้าน ฐิตารีย์ ( Thitaree ) สวนวชิรเบญจทัต (สวนรถไฟ)

ถึง สวนรถไฟ( ประตูใหญ่ )แล้วเลี้ยวขวา ถ้าไม่เจอยังไงลองโทรไปถามตามเบอร์ด้านล่างค่ะ

เบอร์ติดต่อ

คุณ โชติอนันต์ เย็นเปี่ยมธำรง

02-936-4535

086-334-1729

086-091-7433

086-780-8210

แผนที่ไป สวนรถไฟ


วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

กินข้าวชมวิว กับ บุฟเฟ่ต์นานาชาติ และ ซีฟู๊ด ของ โรงแรมใบหยก

กินข้าวชมวิว กับ บุฟเฟ่ต์นานาชาติ และ ซีฟู๊ด ของ โรงแรมใบหยก



คราวนี้เรามาดู อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ณ ภัตตาคาร บางกอกสกาย บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดลอยฟ้า โรงแรมใบหยกสกาย บุฟเฟต์นานาชาติ นี้อยู่ชั้น 76 และ 77 ของ โรงแรมใบหยก ซึ่งพวกเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่า โรงแรมใบหยก คือตึกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯได้ ถึง360 องศาเลยก็ว่าได้ สำหรับบรรยากาศไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโรแมนติกขนาดไหน ครั้งนี้อาจจะถ่ายรูปมาไม่มาก เพราะไปตอนกลางคืน ยังไงลองมาดูว่า บุฟเฟ่ต์นานาชาติ ที่นี่เขามีอะไรให้เราหม่ำกันบ้าง(ลืมบอกไป ค่ะ ที่นี่ทัวร์ต่างชาติจะลงเยอะมากๆ จนคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ประเทศไหนกันแน่เนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็นทัวร์จากโซนเอเชียเช่นประเทศ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลี ประมาณเนี่ยอ่ะค่ะ )

อาหารจะแบ่งเป็นโซนๆดังนี้ค่ะ


โซนอาหารยุโรป

มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ขนมปังอบร้อนๆ สลัดผักต่างๆ เนื้อสันนอกอบ ไส้กรอก อาหารทะเล แฮมนำไปย่างแบบบาร์บีคิว และอาหาร
เด่น ตัวแม่ในการมากิน คงจะหนีไม่พ้น กุ้ง อย่างแน่นอน กุ้งที่นี่จะเป็นกุ้งตัวโตๆที่แกะเปลือกไว้แล้ว จัดวางไว้ในที่วางแบบค๊อกเทล เห็นแล้วน้ำลายไหล มีซอสให้เลือกหลากหลายแบบ ถ้าอยากกินแบบไทยๆ ก็ต้องน้ำปลาพริก (แซบได้อีก) ถ้าอยากกินแบบยุโรปก็ต้องจิ้มกับน้ำสลัด เฮ้อ ! อร่อยทั้งสองแบบเลยค่ะ อิอิ

ด้านพาสต้า มีเส้นให้เลือกหลากหลาย อาทิเช่น พาสต้า สปาเก็ตตี มะกะโรนี เป็นต้น ตามด้วยซอสครีมชนิดต่างๆ ให้เลือกตามใจชอบ




โซนอาหารญี่ปุ่น

เป็นโซนยอดฮิตเลยก็ว่าได้ มีเชพมาปรุงกันให้เห็นๆ โซนนี้จะมี ข้าวปั้นหน้าต่างๆ ปลาดิบ เทมปุระ บะหมี่เย็น แกง กะหรี่ ยากิโซบะ ปลาซาบะย่าง ไก่ย่างหมักซอสญี่ปุ่น พิซซ่าญี่ปุ่น น้ำซุป เป็นต้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น คงจะถูกใจกับโซนนี้แน่นอนค่ะ

โซนอาหารไทย

แหม โซนอาหารบ้านเกิดอย่างเราๆ ก็มีอาหารให้เลือกรับประทานหลากหลายเหมือนกันนะคะ วัตถุดิบถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี (ชาวต่างชาติมาทานเยอะ ต้องพิถีพิถันทั้งวัตถุดิบและการปรุง ชาวต่างชาติจะได้ติดใจในรสชาติของอาหารไทยที่มีรสชาติเฉพาะตัว ) อาหารบางอย่างรสชาติอาจจะไม่เข้มและเผ็ดเท่ากับอาหารที่เราๆทานกัน รสจะอ่อนนิดนึงค่ะ แต่ยังไงๆทานแล้วรสชาติก็ยังคงความเป็นไทยได้เหมือนเดิมค่ะ

เมนูของโซนอาหารไทยมีอะไรให้เลือกทานกันบ้างนะ เราลองมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

ที่ได้ลองทานมาแล้วก็มี

ห่อหมกปลา ปอเปี๊ยะทอด ปูจ๋า ปลา ทอด แกงมัสหมั่นเนื้อ ปลาทอดทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ และยังมี อาหารอิสลาม ที่เรานิยมทานกันอย่าง ข้าวหมกไก่ ด้วยนะคะ อาหารไทยประเภทอื่นยังมีให้เลือกอีกนะคะไม่ได้มีเฉพาะที่กล่าวมาเท่านั้น* ส่วนใครที่ชอบทานอาหารประเภท ก๊วยเตี๋ยว ก็มีค่ะ ที่นี่จะจัดเป็นซุ้มเขาทำใหม่ๆสดๆเสริพกันร้อนๆ ถัดจากนั้นเป็น อาหารสุดแซบของเราคงจะหนีไม่พ้น ส้มตำกับปีกไก่ทอด

และอาหารที่ชาวต่างชาติกล่าวถึงมากที่สุดคงจะเป็น ต้มยำ และ ผัดไทย ที่สร้างชื่อให้กับอาหารไทยและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

โซนอาหารทะเลเผา

มีทั้ง กุ้ง ปลาหมึก ปู มาพร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ด เผ็ดกำลังดี...ให้ได้ลองมาทานกันรับรองต้องติดใจแน่นอนค่ะ




โซนขนมหวาน

แหม... ขนมหวานเนี่ย ขาดไม่ได้เลยถ้ากินอาหารคาวแล้ว ไม่มีอาหารหวานตาม มันจะเหมือนกินไม่อิ่ม (ไม่รู้เพื่อนๆเป็นอย่างนี้กันบ้างรึเปล่า..อิอิ)ทางโรงแรมได้เตรียมขนมหวาน หลากหลายรูปแบบไว้บริการ เช่น ขนมเค้ก เอแคลร์ ไอศครีม(มีตู้แช่ ให้เราเดินไปตักเอง พร้อมช็อกโกแลตให้เราราดเองด้วยค่ะ เพื่อนๆคนไหนชอบช็อกโกแลต ก็สามารถราดช็อกโกแลตบนไอศครีมได้ไม่อั้นเลยค่ะ) ขนมไทยของเราก็มีนะคะ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ตะโก้ ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ขนมชั้น เป็นต้นค่ะ หรือจะเป็น น้ำแข็งใส รวมมิตร ทับทิมกรอบ ลอดช่อง......อืมมมม น่ากินทั้งน้านนนนน และที่ขาดไม่ได้ก็คือผลไม้ตามฤดูค่ะ

เป็น ยังไงบ้างคะ.....อยากลองไปกินกันแล้วสิ... พอกินอิ่มแล้ว อย่าลืมขึ้นไปจุดชมวิว ชั้น 84นะคะ ส่วนของจุดชมวิวตรงดาดฟ้าเราไม่ต้องเดินเองค่ะ แค่ยืนเฉยๆ พื้นจะหมุนไปเรื่อยๆเป็นวงกลม 360 องศา จะมองเห็นตึกที่เปิดไฟเป็นจุดดวงไฟระยิบระยับเล็กๆ.....สวยจริงๆค่ะ รับประกันความสวยได้.......อิอิ แถมได้ยืนรับลมเย็นๆอีกต่างหาก สำหรับ ชั้น 77 ก็เป็นจุดชมวิวเหมือนกัน จะมีกล้องส่องทางไกลให้ส่องมองออกไปยังบริเวณรอบๆ ( ชั้นนี้จะเป็นห้องกระจกค่ะ) แต่ต้องหยอดเหรียญที่กล้องก่อนนะคะ เพื่อนๆคนไหนไปกินมื้อกลางวันจะได้บรรยากาศอีกแบบนึง จะถ่ายรูปได้สวย แต่ถ้าไปตอนกลางคืน อาจจะค่อนข้างมืดนิดนึงถ่ายรูปได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเน้นบรรยากาศโรแมนติกขอแนะนำว่าเป็นกลางคืนจะเหมาะกว่าค่ะ...คิคิ

ถ้า เพื่อนๆได้ไปแวะลองทานกันมาแล้ว อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ........วันนี้เอา รูปที่ถ่ายจากจุดชมวิวชั้น 84 ไปดูเล่นๆกันก่อนนะคะ..อันยองค่ะ






ชื่อร้าน : บางกอกสกาย ชั้น 76, 78 โรงแรมใบหยกสกาย
เปิดบริการ : ทุกวัน มื้อกลางวัน เวลา 11.00 - 14.00 น.

มื้อค่ำ เวลา 17.30 - 22.00 น.

ราคา 470 บาท/คน
ที่อยู่: 222 ถนนราชปรารภ ราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร: 0-2656-3000, 0-2656-3456



วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ภัตตาคาร อาหารจีน เล่งหงษ์ สาขา พระราม 2

เมื่อพูดถึงอาหารจีนต้อง ภัตตาคารอาหารจีน เล่งหงษ์


เมื่อพูดถึงอาหารจีน หลายๆคนก็คงจะน้ำลายไหลเพราะนึกถึง

เป็ดปักกิ่ง หูฉลามน้ำแดง เป๋าฮื้อ หมูหัน และอีกหลายๆอย่าง วันนี้จะพาไปแนะนำ

ร้านอาหารจีน เล่งหงษ์ ซึ่งมี 2 สาขา อยู่ แถวย่านพระราม2 และสุขุมวิท 62 ด้วยความที่เราอยากกินเป็ดปักกิ่งมากๆ จึงไปอ้อนวอนปาป๊า ขอให้พาไปกิน ( ราคาค่อนข้างแพง ไปกินเองก็คงไม่ไหว ถ้าไปกินเองมีหวังได้อยู่ล้างจานที่ร้าน แหมๆ...อิอิ) ครั้งนี้มากินภัตตาคารอาหารจีน เล่งหงษ์ สาขาพระราม 2 มาดูเมนูอาหารที่สั่งกันเลยดีกว่าค่ะ

จานแรก เป็นผัดโหงวเซียน ใส่ในกระทงที่ทำจากเผือกทอดกรอบ รอบๆจานโรยด้วยใบผักคะน้าซอยทอดกรอบ เมนูอาหารนี้ขอแนะนำนะคะ อร่อยค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เมนูนี้ประกอบด้วย เนื้อไก่ผัดกับ แป๊ะก๊วย แห้ว(เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนเป็นสมหวังแล้ว ชิมิ )

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และ พุทราจีน เผือกทอดที่ทำเป็นกระทง กรอบดีค่ะ แต่ต้องกินดีๆนะคะ ไม่งั้นมันอาจทำร้ายช่องปากคุณได้....อิอิ คุณแม่ฝากบอกมาว่า ผักคะน้าทอดกรอบ อร่อยจริงๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นของผักเลย กินแล้วมีประโยชน์ด้วยค่ะ


จานที่สองเป็นของดีราคาแพง เมื่อพูดถึงทีไร ทุกคนจะตะลึงทุกครั้ง แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลยค่ะ ถ้าเราสั่งแบบถ้วยเล็กพอทาน ก็โอเคแล้วนะคะ (ราคาพอรับได้คร้า) ......อยากรู้กันแล้วล่ะสิว่าเมนูนั้นคืออะไร.......มันคือหูฉลามน้ำแดงกับก้ามปู นั่นเอง เป็นเมนูหัวใจสำคัญของร้านอาหารจีนเลยก็ว่าได้....ลองมาดูรูปกันนะคะว่าน่ากินแคไหน


จานที่สามเป็นของโปรดที่เฝ้ารอคอยกินมานาน นั่นก็คือ เป็ดปักกิ่ง ( ตอนนั้นเป็นช่วงเทศกาล เป็ดปักกิ่งลดราคาเหลือตัวละ 490 บาท ) พอสั่งไปแล้วเขาจะถามเราว่าเนื้อเป็ดจะให้เอาไปทำอะไร เราสามารถเลือกได้ค่ะ อาจจะเอาไปทอด ผัด หรือ ผัดพริกไทยดำ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยค่ะ ( ในครั้งนี้ คุณพ่อให้เอาเนื้อเป็ดไปทอดกระเทียม) ส่วนของหนังเป็ดที่เอาไปย่าง ทางร้านแล่แล้วนำไปหั่นเป็นสี่เหลี่ยมพอดีคำ.... แล้วนำแป้งที่นึ่งไว้มาห่อกับหนังเป็ด ทานคู่กับแตงกวา ต้นหอม และพริกชี้ฟ้าหั่น ราดด้วยน้ำจิ้มหวานที่โรยคัสตาร์ดเล็กน้อย เฮ้อ ! จะอร่อยไปไหนค่ะ อิ อิ


จานที่สี่ตามมาติดๆ เป็นหอยจ๊อปู....(เป็นอะไรที่เบสิคจริงๆ ) แต่ทางร้านภัตตาคารอาหารจีนเล่งหงษ์ ทำไม่เหมือนกับร้านทั่วๆไป เพราะ เมื่อเราทานเข้าไปจะรู้สึกได้เลยว่า ใส่เนื้อปูเข้าไปเยอะมากๆ บางร้านใส่แป้งผสมเข้าไปเยอะทำให้ไม่อร่อย

ร้านอาหารจีนแท้ๆ หอยจ๊อปูต้องเป็นแบบนี้แหละค่ะ ถึงจะแพงกว่าร้านอาหารจีนร้านอื่นๆ

แต่รสชาติก็คุ้มกับราคาจริงๆค่ะ

รูปนี้หอยจ๊อปูจะมาพร้อมกับเนื้อเป็ดทอดกระเทียมค่ะ



จานสุดท้ายเป็นข้าวผัดปู สุดยอดแห่งความอร่อยเลยก็ว่าได้ ถึงจะเป็นข้าวผัดธรรมดาทั่วๆไป แต่ความหอมของซอสสูตรเฉพาะของทางร้านที่ใส่ในข้าว ผัดกับเนื้อปุเป็นก้อนๆและไข่ ทำให้อร่อยมากๆเลยค่ะ รสชาติกลมกล่อมมาก จานนี้คุณแม่ให้ 5 ดาวเลยค่ะ ลองไปทานกันดูนะคะ


ภาพสุดท้ายเป็นภาพรวมของทุกๆเมนูที่สั่งค่ะ


อุ้ย.....เกือบลืมแหนะ เห็นรูปแล้วนึกขึ้นได้ ก่อนที่จะสั่งเมนูจานหลัก ตอนไปถึงหิวมากๆๆๆๆ

เลยสั่งติ่มซำเป็นออเดิร์ฟมาก่อนค่ะ จำได้ว่าสั่ง ขนมจีบกุ้ง ขนมจีบปู ลูกชิ้นกุ้งโสภณ

แต่เอ๊ะ.......ลืมถ่ายรูปไว้ซะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรเห็นแค่เข่งก็ยังดี อิอิ.....

ส่วนเครื่องดื่ม คุณพ่อกับคุณแม่สั่งเก๊กฮวยเย็น ตัวดิฉัน สั่ง ชาจีนร้อน (คนแก่ๆมักจากินชา เป็นธรรมดา...คิคิ )

ของหวานก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีก......แย่จริงๆเลย....

ที่สั่งก็เป็นแป๊ะก๊วยนมสดร้อน......อร่อยค่ะ ต้มแป๊ะก๊วยเหนียวกำลังดี ไม่ขมด้วยค่ะ

เพื่อนๆลองไปทานนะคะ........ราคาอาจจะแพงนิดนึง แต่รับรองรสชาติไม่ผิดหวังค่ะ

ภัตตาคารอาหารจีน เล่งหงษ์ (Leng hong Restaurant)

รับจัดเลี้ยงโต๊ะจีนนอกสถานที่

เปิดบริการ 11.00 -22.00 น.

สาขาพระราม 2

80/40 ม.1 ถนน พระรราม 2 แขวง ท่าข้าม เขต บางขุนเทียน กทม.

T. 02-416-5000, 02-415-2026

สาขาสุขุมวิท 62

40/4 ซ. สามภพนฤมิตร แขวง บางจาก เขต พระโขนง กทม. 10260

T. 02-311-6155-6



วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2551

สะล้อ ซอ ซึง ร้านอาหารไทย ตำนานอาหารภาคเหนือ-กลาง

ร้านอาหารไทย สะล้อ ซอ ซึง ตำนานอาหารภาคเหนือ-กลาง

แนะนำร้านอาหาร เกาหลี ญี่ปุ่น จีน มาพอสมควรแล้ว มาถึงอาหาร ภาคเหนือ-กลางแบบไทยๆกันบ้างดีกว่า ร้านอาหารไทยที่จะแนะนำนี้เป็นอีกร้านอาหารที่ไปมาแล้วรู้สึกประทับใจกับรสชาติอาหาร บรรยากาศ และบริการ เป็นร้านอาหารไทยที่แปลกแหวกแนวกว่าร้านอาหารไทยอื่นๆในย่านเลียบทางด่วนรามอินทราเลยก็ว่าได้

เราลองมาดูบรรยากาศในร้านอาหารไทย สะล้อ ซอ ซึง กันเลยค่ะ

บรรยากาศในร้านอาหาร สะล้อ ซอ ซึง เหมือนได้สัมผัสกลิ่นอายของเมืองเหนือผสมผสานกับสไตค์บาหลี มีต้นไม้ประดับอยู่มาก ช่วยสร้างความร่มรื่นให้กับทางร้านอาหารได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

เราลองมาดูมุมสวยๆอีกมุมของร้านกันนะคะ


ทาง ร้านอาหาร สะล้อ ซอซึง มีที่นั่งให้เลือกหลายมุม ถ้ามากับครอบครัว นั่งข้างในซึ่งเป็นห้องแอร์น่าจะเหมาะกว่า ( ผู้ใหญ่จะชอบแนวนี้มากกว่า ขอแอร์เย็นเจี๊ยบไว้ก่อน ) ส่วนด้านนอก ให้บรรยากาศที่อบอุ่น

ภาษาอย่างเราๆ เรียกว่า ชิวๆ ก็ว่าได้ เหมาะสำหรับคู่รักหรือจะมาสังสรรค์กับเพื่อนๆก็ได้

พูดถึงบรรยากาศมาพอสมควร ท้องเริ่มร้องได้เวลาหม่ำกันแล้วค่ะ.....อิอิ

เอาเมนูอาหารมาให้เพื่อนๆได้ดูกันก่อนนะคะ



จานแรกที่สั่งเป็นแกงที่ใครหลายๆคนรู้จักกันดี นั่นคือ แกงเลียง นั่นเอง

แกงของที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก แต่....เออ แอบบอกว่ากินไม่เป็นค่ะ เราเลยต้องสั่งอะไรที่เบสิคไว้ก่อน ซึ่งก็คือ แกงเลียงกุ้งสด..... รสชาติเข้มข้นค่ะ มีรสเผ็ดนิดหน่อยแต่ไม่ได้เผ็ดจากพริกนะคะ

ความเผ็ดมันมาจากเครื่องแกงกับพริกไทยค่ะ เมนูอาหารนี้สั่งให้เด็กๆทานได้ มีประโยชน์ด้วยค่ะ

จานที่สอง ก็คือ หมูซะล้อ... เป็นเมนูแนะนำของร้านอาหารไทย สะล้อ ซอ ซึง

เนื้อหมูหมักซอสสูตรพิเศษเฉพาะของทางร้าน

เราก็เลยลองสั่งมาดู รสชาติใช้ได้ ให้ปริมาณเยอะคุ้มราคาค่ะ

จานสุดท้าย เป็นเมนูที่ไม่เคยทานมาก่อน แต่เมนูนี้ ให้ 5 ดาวเลยค่ะ อร่อยถูกปากจริงๆ

เมนูนี้คือ ตำบะหนุน คือ ตำใส่เครื่องแกงของทางภาคเหนือและเม็ดขนุนค่ะ เมนูนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนไปที่ร้านอาหาร สะล้อ ซอ ซึง อย่าลืมสั่งมาทานนะคะ ( รสไม่เผ็ดมาก เด็กๆทานได้ค่ะ)



ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน เป็นบลูเบอรี่ชีสเค้ก ถ้าเพื่อนๆลองทานแล้วจะติดใจค่ะ แต่ไม่ได้มีทุกวันนะคะ บางวันก็หมดเร็ว ในรูปที่เห็นแหว่งไป เพราะมัวแต่กินเพลินจนลืมถ่ายรูป....เฮ้อ เห็นแก่กินกันจริง..จริ๊ง....

ภาพบรรยากาศของร้านยามค่ำคืนค่ะ

ปิดท้าย จากใบปลิวแนะนำของ ร้านอาหารไทย สะล้อ ซอ ซึง

อาหาร เหนือที่คุณมองหาและชื่นชอบรสชาติที่ถูกปรุงแต่งด้วยคนเมืองแท้ๆ อาหารหลากหลายเมนูที่คุณนึกถึงถูกจัดไว้ให้คุณแล้วที่นี่..... รวมถึงอาหารรสจัดจ้านของภาคกลางและอาหารทะเลสดๆ รับประกันคุณภาพและความอร่อย รวมไปถึงราคาที่คุณพอใจ.......

ลองไปแวะทานกันดูนะคะ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง.........สำหรับวันนี้ อันนิยองฮีกาเซโย ( ลาก่อนค่ะ).....

ร้านอาหารไทย สะล้อ ซอ ซึง

ที่ตั้ง 382 ซ. โยธินพัฒนา ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขต บางกะปิ กทม. 10240

โทร 02-515-1073, 02-515-1148, T. 086-973-5649

แผนที่